
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา หนึ่งในกระแสข่าวที่โด่งดังในทุกช่องทางคงหนีไม่พ้น กรณีผู้บริหารบริษัท The Icon ถูกออกหมายจับในคดีหลอกลวงชักชวนลงทุน ซึ่งมีผู้แจ้งความกว่า 10,000 ราย และมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 3,000 ล้านบาท
หลาย ๆ คนคงมีคำถามในใจว่า ทำไมประเทศไทยถึงยังมีข่าวการถูกหลอกลงทุนในะธุรกิจแชร์ลูกโซ่นี้เรื่อยมา แม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์จากหลาย ๆ กรณีที่ผ่านมา นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ จากคณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ชวนถอดบทเรียนผ่านกิจกรรมเสวนาคุยเล่นเป็นวิชาการ “The Icon : Dark Side Of Storytelling ความจริงเสกได้” ซึ่งเราได้สรุปข้อมูลมาให้ทุกคนเข้าใจว่ามีเบื้องหลังอะไรซ่อนอยู่ ที่ควรเรียนรู้ไปถึงปมปัญหา และแนวทางแก้ไขไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกในอนาคต

เหตุผลที่คนไทยยังเจ็บไม่จำกับการหลอกลงทุนในลักษณะธุรกิจแชร์ลูกโซ่
1. ขาดความรู้ แยกไม่ออกระหว่างธุรกิจแชร์ลูกโซ่ และธุรกิจขายตรงหรือขายออนไลน์
น่าจะมีประชาชนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าธุรกิจแชร์ลูกโซ่ กับการขายตรง หรือขายออนไลน์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ทำให้หลาย ๆ คนเกิดความสับสน เป็นช่องโหว่ทำให้เหล่าผู้ไม่หวังดีนำมาใช้เป็นช่องทางหลอกลวงเช่นเดียวกับ The Icon ซึ่งทำให้สูญเสียเงินทอง เชื่อมโยงเป็นกลุ่มใหญ่
2. รู้ว่าเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ แต่ยังมีความหวังว่าโมเดลธุรกิจจะทำให้รวยได้
ด้วยการสื่อสารในสังคมยุคบริโภคนิยมที่บูชาความรวย จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนอีกจำนวนไม่น้อยมองหาช่องทางในการรวยทางลัด ด้วยการลงทุนแบบง่าย ๆ พลิกชีวิตได้เพียงใช้เวลาไม่นาน จึงกลายเป็นการขุดหลุมพลางให้ตัวเองและคนอื่น ๆ ที่ตัวเองชักชวนมาตกเป็นเหยื่อของผู้ที่วางกลยุทธ์ได้แยบยลกว่า
3. หลงเชื่อเพราะไว้ใจคนใกล้ชิด หลงผิดเพราะศรัทธาดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียง
The Iconเลือกใช้พรีเซนเตอร์ดาราดัง เป็นจุดดึงดูดความสนใจ ทำให้เกิดแนวคิดหลงเชื่อว่าบุคคลเหล่านี้จะไม่หลอกลวง หรือทำอะไรที่ไม่ดีซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตนเอง ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยตัดสินใจร่วมลงทุน และศรัทธาปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่ได้รับการนำเสนออย่างง่ายดาย
4. เกิดความโลภบังตา ทำให้ขาดสติ หลงเชื่อคำโฆษณา ไม่เท่าทันกลลวง
ด้วยการนำเสนอถึงความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนเองจากจนให้รวยได้ มีไลฟ์สไตล์แบบหรูหรา ได้เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ได้รับผลตอบแทนแบบเกินคุ้ม เรื่องเล่าที่เกินจริงเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ได้รับฟังเกิดจินตนาการ ทำให้เกิดความโลภ กระตุ้นให้ตัดสินใจลงทุนตามคำชักชวน

ฉายไฟให้มุมมืดจากเรื่องเล่า ตีแผ่ความจริงเสกได้ เพื่อคลี่คลายปัญหาด้วยความรู้เท่าทันสื่อ
จากกรณีศึกษา The Iconมีการใช้แนวทางการนำเสนอข้อมูลด้วยเรื่องเล่าหรือ Storytelling มาปรับใช้ ทำให้ทุกข้อมูลที่สื่อสารล้วนสร้างให้เกิดอารมณ์ร่วม รวมไปถึงการใช้ช่องทางสื่อชื่อดัง และเครื่องมือออนไลน์เสกเรื่องลวงให้กลายเป็นเรื่องจริงแบบเนียนกริบจนยากจะจับผิดได้ เทคนิคที่จะช่วยยับยั้งปัญหานี้ได้ก็คือ การมีความรู้เท่าทันสื่อ ซึ่งนักวิชาการนิเทศศาสตร์ได้แนะนำแนวทางไว้ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
1. ฝึกเอ๊ะ! กับข้อมูลที่ถูกสื่อสาร โดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์
ฝึกเป็นนักฟัง นักอ่านที่ละเอียด ด้วยการแยกแยะเนื้อหาที่ได้รับการสื่อสาร วิเคราะห์ว่าส่วนไหนเป็นข้อเท็จริง ส่วนไหนเป็นความคิดเห็นที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ จะได้ไม่หลงเชื่อกับข้อมูลที่ผิด ๆ หรือบิดเบือน
2. ฝึกสังเกตภาษากายของผู้สื่อสาร
คำพูดอาจจะหลอกกันได้ แต่ท่าทางอากัปกิริยาต่าง ๆ ล้วนไม่สามารถปกปิดได้ การฝึกสังเกตการแสดงออกในลักษณะต่าง ๆ เช่น การสบตา การใช้มือไม้ ว่ามีความผิดปกติจากคนทั่วไป ที่ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงหรือไม่
3. การวิเคราะห์ข้อมูลที่นำเสนอ ไม่เชื่อเพียงเพราะเป็นความคิดเห็นที่ตรงใจ
ในทุกข้อมูลที่สื่อสารล้วนปะปนไปด้วยเนื้อหาที่มาจากทั้งข้อเท็จจริง และความคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งผู้ที่มีความรู้เท่าทันสื่อควรแยกให้ได้ว่าส่วนใดเป็นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ส่วนใดเป็นการกล่าวอ้างที่เกินกว่าจริง
4. ไม่หลงเชื่อเพียงเพราะบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง
แม้จะเป็นคนดังในแวดวงสังคมก็อาจจะเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ซ่อนอยู่ การศรัทธาหลงเชื่อข้อมูลที่สื่อสารผ่านบุคคลเหล่านี้เพียงเพราะคิดว่าเขาจะไม่ทำอะไรที่กระทบต่อชื่อเสียงนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ
5. ตรวจสอบข้อมูลเท่าทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ
เช็คข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือใช้เครื่องมือออนไลน์ในการช่วยตรวจสอบ วิเคราะห์เจาะลึกในทุกมิติให้ครอบคลุม เพื่อช่วยให้มองเห็นความเสี่ยงและผลกระทบที่จะตามมาได้อย่างชัดเจน
การถอดบนเรียนจากกรณี The Iconเป็นการช่วยย้ำเตือนว่ายังมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ยังรับข้อมูลโดยขาดการตรวจสอบไตร่ตรอง และขาดความรู้เท่าทันสื่อที่ช่วยเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ข้อมูลที่ได้จากเวทีเสวนาในครั้งนี้คงจะช่วยเป็นแนวทางให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้เพื่อจะได้ไม่ถูกหลอกจากธุรกิจแชร์ลูกโซ่