โดนหลอกลวงในสื่อออนไลน์: เสียงสะท้อนจากผู้สูงวัยในจังหวัดชายแดนใต้
“เห็นข่าวในไลน์ว่าแจกเงิน ต้องรีบกดรับ!” หรือ “สินค้าถูกมาก สั่งไว้แล้ว แต่ทำไมยังไม่มา” นี่คือคำพูดที่เรามักได้ยินจากผู้สูงอายุในยุคที่สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของทุกคน แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังข้อเสนอดี ๆ หรือข่าวที่น่าสนใจเหล่านี้ จะกลายเป็นกับดักของมิจฉาชีพที่แฝงตัวมา เพื่อหลอกเอาเงินหรือข้อมูลสำคัญไปจากคนกลุ่มนี้

ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งสตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่เคยตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงออนไลน์ จากการลงพื้นที่สัมภาษณ์แบบ Focus Group ของนักวิชาการจากคณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ภายใต้โครงการเสริมสร้างความร่วมมือและการมีส่วนร่วมเพื่อยกระดับการรู้เท่าทันสื่อ การเฝ้าระวังสื่อ และการสร้างสรรค์สื่อของประชาชนในจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง หรือ คนใต้เท่าทันสื่อ
บทความนี้จะสะท้อนปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการโดนหลอกออนไลน์ของผู้สูงอายุในพื้นที่ รวมถึงแนวทางการเฝ้าระวัง และป้องกัน เพื่อปิดช่องโหว่ที่จะสร้างความสูญเสียต่อทรัพย์สิน จิตใจ ความสัมพันธ์ในครอบครัวของผู้สูงอายุ
ลักษณะปัญหาการหลอกลวงที่พบบ่อยใน 5 จังหวัดชายแดนใต้
นราธิวาส
- การหลอกลวงผ่านเฟซบุ๊กและไลน์ ผู้สูงอายุสั่งสินค้าราคาถูก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือสินค้าสุขภาพ แต่เมื่อได้รับของกลับไม่ตรงปก หรือไม่ได้รับสินค้าเลย
- มิจฉาชีพโทรหลอก มีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ศุลกากร หลอกว่ามีพัสดุติดอยู่ที่ด่านชายแดนและต้องโอนเงินเพื่อเคลียร์ปัญหา
- แชร์ลูกโซ่ ชักชวนให้ลงทุนซื้อสินค้าและทำธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่ เช่น กาแฟเสริมสุขภาพ เพื่อลุ้นโชคเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์หรืออุมเราะห์
ปัตตานี
- ปลอมตัวในไลน์ มิจฉาชีพแสร้งเป็นญาติหรือหลาน หลอกให้โอนเงินในช่วงเวลาฉุกเฉิน
- การส่งสินค้าเก็บเงินปลายทาง ผู้สูงอายุรับพัสดุที่ไม่ได้สั่งแต่ถูกบังคับจ่ายเงิน และเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นของไม่มีมูลค่า
- บัญชีม้า ผู้สูงอายุบางคนเปิดบัญชีให้มิจฉาชีพโดยไม่รู้ตัว ถูกนำไปใช้ในทางผิดกฎหมาย
- มิจฉาชีพโทรหลอก แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า แจ้งเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าแบบดิจิตอล เพื่อหวังหลอกเงิน
สตูล
- ข่าวปลอมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เช่น การอ้างว่าสมุนไพรหรืออาหารเสริมสามารถรักษาเบาหวานได้
- การหลอกโอนเงินผ่านโทรศัพท์ โทรมาข่มขู่ว่ามีปัญหาทางกฎหมาย และให้โอนเงินเพื่อแก้ปัญหา
- การสั่งสินค้าออนไลน์ ผู้สูงอายุถูกหลอกให้จ่ายเงินล่วงหน้า แต่ได้รับของที่ไม่มีคุณภาพ
- โดนแฮ็กเฟสบุ๊ค หลอกยืมเงิน มิจฉาชีพเจาะเข้าล็อคอินบัญชี ทักไปยืมเงินบุคคลใกล้ชิด
ยะลา
- หลอกลงทุนแชร์ลูกโซ่ สินค้าประเภทอาหารเสริม กาแฟ ไปกู้เงินนอกระบบ ดอกเบี้ยรายวัน ทำให้ติดหนี้เป็นล้าน ล่อลวงด้วยการให้สิทธิ์เดินทางไปทำอุมเราะห์
- การโทรหลอกลวงจากมิจฉาชีพ อ้างค้างชำระหนี้ ถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดี ต้องชำระเงินให้กับทนาย
- ลูกหลานติดเกมส์ออนไลน์ ทำให้พ่อ แม่ เกิดหนี้สูงถึงหลักล้านส่งของเก็บเงินปลายทาง โดยที่ไม่ได้สั่ง ผู้สูงอายุเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของคนในครอบครัว บางครั้งก็ชำระเงินให้
- โดนแฮ็กเฟสบุ๊ค หลอกยืมเงิน มิจฉาชีพเจาะเข้าล็อคอินบัญชี ทักไปยืมเงินบุคคลใกล้ชิด
สงขลา
- ถูกมิจฉาชีพหลอกสแกนหน้าแฮ็กบัญชีเงินฝาก โอนเงินออก ทำให้สูญเงินเป็นหลักล้าน
- มิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลลูกค้าบริษัท หลอกโอนเงิน เช่น ลูกค้าซื้อรถกับบริษัท แจ้งว่ารถมีปัญหา ให้นำกลับไปคืน และจะคืนเงินส่วนต่างให้
- คอลเซนเตอร์ปลอมเป็นญาติโทรมายืมเงิน เช่น การแอบอ้างเป็นผู้รู้จัก หลอกให้ยืมเงิน
- หลอกลงทุน ให้กำไรเกินจริง เช่น ลงทุน 650 บาท จะได้กำไรเพิ่มเป็น 16,650 บาท

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ปัญหาการหลอกลวงและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องบนโลกออนไลน์ได้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้สูงอายุในหลายด้าน ไม่เพียงแต่ทำให้สูญเสียเงินเก็บสะสมและทรัพย์สินอันมีค่า จนบางครั้งต้องเผชิญกับภาระหนี้สินหรือสูญเสียบ้านและที่ดินแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจ ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกอับอาย ผิดหวัง และเกิดความกลัวการใช้อินเทอร์เน็ตด้วย สามารถแบ่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุได้ดังต่อไปนี้
ด้านเศรษฐกิจ
- เงินเก็บสะสมตลอดชีวิตสูญเสียไปในพริบตา บางคนถึงขั้นต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อชดใช้เงินที่ถูกหลอก
- สูญเสียทรัพย์สินที่จำเป็น เช่น บ้านหรือที่ดิน เนื่องจากการหลอกลงทุนในแชร์ลูกโซ่
ด้านจิตใจ
- ผู้สูงอายุจำนวนมากรู้สึกอายและผิดหวังในตัวเอง ทำให้ไม่กล้าเล่าปัญหาให้ลูกหลานหรือคนในชุมชนฟัง
- เกิดความกลัวการใช้อินเทอร์เน็ต ทำให้ขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลที่มีประโยชน์
ด้านครอบครัว
- ความขัดแย้งระหว่างผู้สูงอายุกับลูกหลาน เนื่องจากความเสียหายที่เกิดจากการถูกหลอก

แนวทางการป้องกัน และแก้ไข เพื่อยับยั้งปัญหาไม่ให้ลุกลาม
จากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว ผู้สูงอายุอาจเผชิญกับความท้าทายในการรับมือกับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือภัยคุกคามออนไลน์ต่าง ๆ การมีแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อยับยั้งสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามและปกป้องความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงวัย ดังนั้นแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง สามารถปฏิบัติได้ดังนี้
การสร้างความรู้
- จัดอบรมรู้เท่าทันสื่อออนไลน์ โดยใช้ภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษามลายูหรือยาวี
- สร้างสื่อการเรียนรู้ เช่น โปสเตอร์ที่มีภาพประกอบ หรือคลิปวิดีโอแนวสนุกสนาน เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าใจง่าย
- จัดทำละครสั้นหรือคลิปตลกให้ผู้สูงอายุรับชมผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ที่เข้าถึงได้ง่าย
การแจ้งเตือน
- ใช้กลุ่มไลน์หมู่บ้านหรือเสียงตามสายในการเตือนภัย
- ร่วมมือกับผู้นำศาสนาในการสื่อสารเรื่องภัยจากข่าวปลอม หลังละหมาดหรือกิจกรรมทางศาสนา
การเฝ้าระวัง
- สนับสนุนให้ลูกหลานช่วยสอนการใช้งานโทรศัพท์มือถือหรืออินเทอร์เน็ต
- ให้คำปรึกษาผู้สูงอายุเรื่องการตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวสาร
สิ่งที่หน่วยงานและสังคมควรทำ
- พัฒนาช่องทางรับเรื่องร้องเรียน เช่น ศูนย์ช่วยเหลือผู้บริโภคในพื้นที่ ที่เข้าถึงง่ายและลดขั้นตอน
- จัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้สูงอายุและครอบครัวในทุกตำบล
- ผลักดันให้มีบทบาทของผู้นำศาสนาและชุมชนในการเป็นสื่อกลางในการเตือนภัย

เพราะเราเชื่อว่าคนใต้ทุกคนเป็นพลเมืองดิจิทัลที่รู้เท่าทันสื่อ ข้อมูลข่าวสาร และร่วมสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ได้ เพียงช่วยกันตรวจสอบข่าวปลอม แชร์กลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ เพื่อให้ทุกคนเฝ้าระวัง ป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างผู้สูงอายุ เยาวชน การใช้สื่อออนไลน์ก็จะมีคุณค่า และสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาล



